Saturday, 27 April 2024
NEWS FEED

'เชียงราย' เราไม่ทิ้งกัน!!นายกโป่งผาลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่เกิดเหตุพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองพัดเข้าพื้นที่อำเภอแม่สายส่งผลให้พื้นที่ตำบลโป่งผาอำเภอแม่สายจังหวัดเชียงรายทั้งตำบลโป่งผาได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนโดยมีบ้านเรือนของประชาชนถูกพายุพัดพังเสียหายเป็นจำนวนมากล่าสุด ดร.ณัชชา กันทะดง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผาพร้อมคณะทีมงานเข้าช่วยเหลือมอบถุงยังชีพและวัสดุก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ถูกพายุฤดูร้อนพัดพังความเสียหายอย่างไรก็ตามสำหรับจำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนในครั้งนี้จำนวน12หมู่บ้านประกอบด้วยหมู่ที่1ถึงหมู่ที่12และอยู่ระหว่างการสำรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดต่อไป

ร่วมพลังสืบไล่ล่าอันธพาลรุ่นจิ๋ว….สืบนครบาล สืบ บก 6. สืบนนท์ ร่วมกันจับกุมแก็ง จิ๊กโก๋ท่าน้ำนนท์ ปล้นทรัพย์ และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย

ด้วยนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมที่กระทำความผิดสร้างความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนผู้สุจริตสร้างความหวาดกลัว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์  ผบก.สส.บช.น. ร่วมกับ พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6  บูรณาการชุดปฏิบัติการสืบสวน สืบนครบาล สืบ บก 6. และ สน. สำราญราษฎร์ดำเนินการจับกุมในครั้งนี้ 

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567  พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6.  พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก.สส.บช.น.,  พ.ต.อ.อรรชวศิษฏ์   ศรีบุณยมานนทน์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฏร์, พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.บก.น.6บช.น.กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก .สส.บช.น. สืบ บก 6. สืบจังหวัดนนทบุรี และ สน. สำราญราฏร์ สืบสวนจับกุมตัว 

นายบี (นามสมมติ )อายุ 16 ปี ที่อยู่ถ.บางกรวย-ไทรน้อย ต.บางกรวย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชนและครอบครัว ที่ 51/2567 ลงวันที่ 24 เมษายน 2567 กระทำความผิดฐาน ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธในเวลากลางคืน “เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น เพื่อความสะอวกในการที่จะกระทำผิดอย่างอื่นหรือเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน และร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร”

ด้วยเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 06.30 น. สน.สำราญราษฎร์ ได้รับแจ้งเหตุกลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น 3 คน สวมเสื้อแต่งกายมิดชิดร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายเป็นคนขับรถรถแท็กซี่ โดยคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดแทง และชกต่อย บริเวณ หน้าซอยตรอกไข่ ถนนบำรุงเมือง แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. ได้เงินสด พร้อมโทรศัพท์มือถือไป จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา หลังจากกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุ ช่วงเวลาระหว่างหลบหนีพบผู้เสียหายอีกรายนึงซึ่งเป็นเด็กปั้มฯ ที่เดินผ่านมา ได้ใช้อาวุธมีดจี้ไปที่ลำคอ และชกต่อยบริเวณหลังศาลาว่าการกรุงเทพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. ปล้นโทรศัพท์มือถือ แล้วขึ้นรถสาธารณะที่ขับผ่านมาหลบหนีไป สืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ มี 3 คน ชายสวมเสื้อแจ๊คเก๊ทสีขาว ,ชายสวมเสื้อสีขาว-เทา แบะชายสวมเสื้อฮูดสีดำ 1 คน หลบหนีขึ้นรถเมลล์สาย 12  ไป

เมื่อทราบเหตุแล้ว พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ไม่ยอมนิ่งนอนใจได้สั่งการให้รวมนักสืบ ของ บช.น. เร่งสืบสวนติดตามพิสูจน์ทราบเพื่อจับกุมคนร้ายโดยเร็วไวต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุดังกล่าวมี นายบี ผู้ต้องหา อายุ 16 ปี, นายซี อายุ 18 ปี และนายนพพร หรืออาร์ม ทองภิลา อายุ 23 ปี เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีได้รัดกุมจนสามารถยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณาออกหมายจับกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 คนได้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รอช้าวันนี้ 25 เมษายน 2567 เวลา 13.30 น. ได้ทำการจับกุมตัวนายบี อายุ 16 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 3 คนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุได้ที่ริมถนนราชพฤก์-นนทบุรี1 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ขณะกำลังจะหลบหนี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด

เหตุเกิดที่ บริเวณ หน้าซอยตรอกไข่ ถนนบำรุงเมือง แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กทม. ต่อเนื่องบริเวณหลังศาลาว่าการกรุงเทพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม.

จับกุมสอบถามให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันปล้นทรัพย์คนขับรถแท็กซี่พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน จริง โดยที่ตนเองเป็นผู้ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงคนขับรถแท็กซี่ และใช้อาวุธมีดจี้ลำคอเด็กปั้มฯ ก่อนที่จะหลบหนี โดยนายบี ยินยอมสมัครใจพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจยึดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในวันก่อเหตุที่ห้องพักของตน ส่วนอาวุธมีดนั้นรับว่าได้โยนทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานพระราม 7 ในวันก่อเหตุ ส่วนคนร้ายอีก 2 คน คือ นายซี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนายนพพร หรืออาร์ม ทองภิลา อายุ 23 ปี เมื่อตรวจสอบกับฐานระบบพบว่า นายซี เป็นบุคคลตามหมายจับศาลเยาวชนจังหวัดนนทบุรี ที่ 2/2567 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ข้อหา “ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และทำให้เสียทรัพย์” และนายนพพร หรืออาร์ม เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 324/2567 ลง 30 มีนาคม 2567 ในข้อหา “ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมทราบว่าทั้ง 2 มีหมายจับอยู่แล้ว จึงเร่งติดตามจับกุมตามหมายจับ และนำตรวจยึดสิ่งของ เครื่องแต่งกายที่ใช้ในวันก่อเหตุก่อนที่จะจับกุมตัวนายบี  ผู้ต้องหาในคดีนี้ หลังถูกจับกุม ทั้ง 3 รายให้การรับสารภาพว่าคืนก่อเหตุได้เกิดความคึกคะนองชักชวนกันไปปล้น

จากการตรวจสอบยังพบอีกว่าภายในวันเดียวกัน (22 เม.ย.67) กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ ได้ก่อเหตุในลักษณะแผนประทุษกรรมเดียวกัน ปล้นทรัพย์สิน ในพื้นที่เขต สภ.เมืองนนทบุรี อีก 2 ครั้งต่อเนื่องกันไป ซึ่งกลุ่มคนร้ายทั้ง 3 เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มีประวัติโชกโชนตั้งแต่อายุยังน้อย เข้าออกสถานพินิจเป็นอาจิน  มีพฤติกรรมชอบรวมกลุ่มกันเสพยาเสพติดทั้งวันทั้งคืน เมื่อมีอาการมักจะคึกคะนอง ชอบใช้ความรุนแรงทะเลาะต่อยตีผู้คนไม่เลือกหน้า มีคู่อริไล่ทำร้าย ใช้อาวุธมีดไล่ฟันอยู่เป็นประจำ จนคนในระแวกท่าน้ำนนท์ จ.นนทบุรี รู้จักกันเป็นอย่างดีถึงวีรกรรมของวัยรุ่นกลุ่มนี้

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ควบคุมงานสืบสวนสั่งให้ สืบนครบาล และ สืบ บก 6. บูรณาการไล่ล่าแก็งอันธพาลเยาวชนนี้ ได้เข้ามาก่อนเหตุในย่านสำราญราษฎร์ จึงได้ประสานข้อมูล และการปฏิบัติกับสืบจังหวัดนนทบุรี จึงพบว่ามีประวัติสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งในพื้นที่นนทบุรี และเขตกรุงเทพฯ พฤติกรรมอุกอาจประสงค์ต่อทรัพย์ และทำร้ายเหยื่อ และฝากเตือนให้ พ่อ แม่ ผู้ปกครองช่วยควบคุมบุตร หลานของท่านให้อยู่ภายในกรอบ ไม่ควรปล่อยบุตร หลาน ของท่าน ให้มีการรวมตัว และชักชวนกันไปกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กระทั่งก่อผลเสียให้กับสังคม นอกจากจะต้องเสียอนาคตก่อนวัยอันควร จะเป็นเหตุให้ผู้ปกครองต้องถูกดำเนินคดีอีกด้วย

'รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.' เป็นประธานพิธีวันคล้ายวันสถาปนาค่ายนเรศวร ครบรอบปีที่ 70 ณ ค่ายนเรศวร กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

วันนี้ (27 เมษายน 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาค่ายนเรศวร ครบรอบปีที่ 70 ที่กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวร อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมี พล.ต.ท.ยงเกียรติ มนปราณีต ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน , พล.ต.ต.วันชนะ ธรรมเสมา ผบก.สอ.บช.ตชด. , ผู้ว่าราชการจังหวัด , นายอำเภอ, หัวหน้าส่วนราชการ, ข้าราชการตำรวจตระวนชายแดน, ตำรวจภูธร, ท้องถิ่น, ฝ่ายปกครอง, คณะแม่บ้านตำรวจ, ภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดเพชรบุรี ร่วมพิธี 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้ขึ้นแท่นรับความเคารพ ตรวจแถวกองเกียรติยศจากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวร จากนั้นได้เป็นประธานประกอบพิธีจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย  ถวายเครื่องราชสักการะ และพวงมาลัยดอกไม้สด พระบรมราชาอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช 

ทั้งนี้ วันที่ 27 เมษายน ของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันสถาปนาค่ายนเรศวร เพื่อสดุดีสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ทรงกอบกู้เอกราชของประเทศจนเป็นปึกแผ่นมาถึงปัจจุบัน ในอดีตนั้นได้ทำการฝึกชายฉกรรจ์ให้มีความรู้ความสามารถในการกระโดดร่ม การใช้อาวุธพิเศษ ยุทธวิธีต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมในการปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมาย โดยเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2497 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดค่ายนเรศวร และทอดพระเนตรการกระโดดร่ม การสาธิตการฝึกอาวุธและยุทโธปกรณ์ต่างๆ  จึงได้ยึดถือให้วันที่ 27 เมษายน ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนาค่ายนเรศวร 

‘สวาทแคท’ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ผงาดชูถ้วยแชมป์ อย่างยิ่งใหญ่ หลังคว้าชัยเอาชนะ ‘หนองบัว พิชญ’ ท่ามกลางแฟนบอลกว่า 25,000 คน

เมื่อไม่นานมานี้ มีฟุตบอลแมตช์สุดมันส์ เดิมพันด้วยตำแหน่งแชมป์ และ เจ้าแมวพิฆาตก็ไม่ทำให้แฟนบอลชาวโคราชผิดหวัง ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะทีมหนองบัว พิชญ คู่แข่งสำคัญที่กำลังเบียดกันลุ้นแชมป์ไปสุดมันส์ 3-0 ผงาดคว้าแชมป์ ครองความยิ่งใหญ่ท่ามกลางแฟนบอลเข้าชมเต็มสนามกว่า 25,000 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม พร้อมกลับขึ้นสู่ไทยลีกอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

สำหรับการแข่งขันแมตช์สำคัญในครั้งนี้ มีบุคคลสำคัญ ๆ ที่เดินทางมาให้กำลังใจนักเตะของทีมอย่างคับคั่ง ประกอบไปด้วย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาสโมสรฯ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ ประธานบริหารสโมสร คณะผู้บริหารของสโมสรฯ พร้อมด้วยผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ รวมถึงเหล่าบรรดานักเตะแมวพิฆาต ทีมสตาฟโค้ช ฝ่ายเทคนิค และนักฟุตบอลเยาวชนจากอะคาเดมี่ ร่วมชมและเชียร์แมตช์นี้จนล้นสนาม

ตลอดเกมการแข่งขันทั้งสองทีมสู้กันสุดเร้าใจท่ามกลางกองเชียร์กว่า 25,000 คน หลังจบเกมการแข่งขันทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เป็นฝ่ายเอาชนะทีมหนองบัว พิชญ เอฟซี ไปได้ 3-0 คว้าแชมป์ไทยลีก 2 มาครองอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีพิธีมอบถ้วยฉลองแชมป์สุดอลังการ และได้รับเกียรติอย่างสูงจาก มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่เดินทางมาร่วมชมการแข่งขันและมอบถ้วยเกียรติยศในครั้งนี้

ท่าเรือสำราญพัทยา ‘แหลมบาลีฮาย’ พร้อมเป็นต้นทาง เรือสำราญระดับโลก เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ในการท่องเที่ยวอ่าวไทย เปิดรับ นทท.กระเป๋าหนัก

เมื่อวานนี้ (26 เม.ย. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ การพัฒนาท่าเรือสำราญพัทยา แหลมบาลีฮาย เพื่อใช้เป็นต้นทางเปิดรับ เรือสำราญระดับโลก โดยได้ระบุว่า ...

วันนี้เอาการแผนการพัฒนาการเดินทาง ทางน้ำ ที่น่าสนใจ และเป็นอีกโอกาสในการสร้างรายได้ในการรับนักท่องเที่ยวรายได้สูงเข้าประเทศ คือการก่อสร้างท่าเรือสำราญ ในเขตอ่าวไทยตอนบน 

โดยโครงการได้มีการศึกษาและเปรียบเทียบในหลายที่ แล้วมาลงตัวที่ แหลมบาลีฮาย พัทยา 
เพื่อสร้างเป็นท่าเรือต้นทาง (Home Port) และท่าเรือจอดพัก (Port of Call) ของเรือสำราญระดับโลก ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ใหม่ในไทย ซึ่งมีเรือได้เริ่มเข้ามาทำเส้นทางเดินเรือประจำ บ้างแล้ว

ซึ่งปัจจุบัน ใช้อาคารท่าเรือสำราญของท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งก็ไม่ตอบรับกับความต้องการของสายเรือสำราญ และนักท่องเที่ยว ซึ่งควรจะเป็นท่าเรือที่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว

เรามาทำความเข้าใจรูปแบบ การใช้งานของท่าเรือสำราญกันก่อน
1. ท่าเรือต้นทาง (Home Port) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของสายเรือนั้นๆ ในการออกเดินทางสู่ปลายทาง หรือไปเที่ยวในจุดต่างๆ และกลับมาส่งผู้โดยสารที่เดิม
ซึ่งท่าเรือเหล่านี้ จะมีกิจกรรมเช่น 
- การพักคอยการเดินทางของผู้โดยสาร
- การเปลี่ยนกะของเจ้าหน้าที่ในเรือ
- การเติมหรือเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่จะไปให้บริการบนเรือ
ตัวอย่างเช่น ท่าเรือสิงคโปร์ และท่าเรือแหลมฉบัง 

2. ท่าเรือจอดพัก (Port of Call) ซึ่งเป็นการจอดแวะพัก เพื่อให้ผู้โดยสารลงไปเดินท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่างๆ และเปลี่ยนอิริยาบถ จากการนั่งเรือ
ซึ่งท่าเรือเหล่านี้ จะมีกิจกรรมเช่น
- การจัดทัวร์ระยะสั้นรับนักท่องเที่ยว
- รับนักท่องเที่ยว ของ ร้านอาหาร และบาร์ท้องถิ่น
โดยแบ่งท่าเรือเป็น 2 กลุ่มคือ 
- มีท่าเทียบเรือ (ลงจากเรือขึ้นบกได้โดยตรง)
- ท่าทอดสมอระยะไกล (ต้องนั่งเรือเล็กเข้าฝั่งอีกที) ซึ่งในกรณีนี้ ผู้โดยสารจมบางส่วนจะไม่ลงไปเพราะเสียเวลา และกลับขึ้นเรือยาก
ตัวอย่างเช่น สมุย, พัทยา, ภูเก็ต และฟูก๊วก (เวียดนาม)

ซึ่งท่าเรือพัทยา จะถูกออกแบบให้เป็นผสม (Hybrid) เป็นทั้ง Home Port และ Port of Call เพื่อให้พัทยาได้ประโยชน์สูงสุด 

โดยจากที่ปรึกษา ได้สรุปพื้นที่เป็นบริเวณแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีความเหมาะสมเนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้เคียงมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และหลากหลาย ดึงดูดให้มีผู้โดยสารมาใช้ท่าเรือสำราญ 

ซึ่งมีการออกแบบรองรับ ท่าเรือทั้ง 2 แบบ แบ่งเป็น
- ท่าเรือต้นทาง (Home Port) รองรับเรือขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 1,500 คน 
- ท่าเรือแวะพัก (Port of call) สำหรับรองรับเรือขนส่งผู้โดยสาร 3,500-4,000 คน

จากการศึกษาคาดการณ์จำนวนเที่ยวเรือ
ในปี 2570 ประมาณ 60 เที่ยวต่อปี และเพิ่มเป็น 100 เที่ยวในอีก 10 ปี (ปี 2580) 
โดยคาดการณ์สัดส่วนรายได้จากการดำเนินงานท่าเทียบเรือ 73% (3,730 ล้านบาท ) ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจอดเรือ ค่าธรรมเนียมผ่านท่า
รายได้จากการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ 27% (1,390 ล้านบาท) ได้แก่ ค่าเช่าพื้นที่ ค่าที่จอดรถ ค่าเช่าที่จอดเรือเฟอร์รี และสปีดโบ๊ต

รูปแบบการก่อสร้าง
เป็นท่าเรือใหม่ห่างจากชายฝั่งลงไปในทะเลประมาณ 1 กม. เพื่อลดการเวนคืน และยังสามารถรองรับเรือขนาดใหญ่ ที่ความลึกร่องน้ำประมาณ 12-14 เมตร 
รองรับเรือสำราญขนาดระวางบรรทุก 236,000 ตันกรอส ได้พร้อมกัน 2 ลำ ความยาวท่าเทียบเรือรวม 420 เมตร 

ส่วนอาคารผู้โดยสาร รองรับได้ 3,500-4,000 คน/เที่ยว 
สิ่งอำนวยความสะดวก
- โถงพักคอย 
- จุดตรวจความปลอดภัย 
- จุดเช็กอินรับบัตรโดยสาร 60 ช่อง 
- จุดตรวจคนเข้าเมือง 26 ช่อง 
- จุดฝากสัมภาระ 
- อาคารและลานจอด รองรับรถยนต์ได้ 132 คัน และรถบัส 82 คัน

มูลค่าการลงทุน
เบื้องต้นประมาณการค่าลงทุนรวม 7,412 ล้านบาท แบ่งเป็น 
1. ค่าลงทุน 5,934 ล้านบาท 
- ค่าก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนอกชายฝั่ง 4,315 ล้านบาท 
- ท่าเทียบเรือ อาคารผู้โดยสาร 2,881 ล้านบาท 
- สะพานเชื่อมท่าเรือ 675 ล้านบาท 
- ลานจอดรถ 567 ล้านบาท 
- ท่าเรือโดยสาร และเรือเร็ว 192 ล้านบาท
- ค่าอุปกรณ์ 400 ล้านบาท 
- ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 608 ล้านบาท 
- ถนนยกระดับ 1611 ล้านบาท 

2.ค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) 1,478 ล้านบาท

รูปแบบการลงทุน
เป็นการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) 
- ภาครัฐ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเทียบเรือ และทางเข้า มูลค่า 5,534.56 ล้านบาท (66%)
- เอกชนอาจ ลงทุนในส่วนของอาคารผู้โดยสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มูลค่า 1,877.66 ล้านบาท (34%) เครื่องมือและอุปกรณ์และบริหาร 30 ปี
ซึ่งจากการศึกษา มีอัตราผลตอบแทน 20% ระยะเวลาคืนทุนเท่ากับ 10 ปี

ซึ่งจากแผนก็น่าจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อีกมหาศาล

โรงพยาบาลพญาไท 3 จัดอบรมการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR แก่ตำรวจนครบาล

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 โรงพยาบาลพญาไท3 จัดอบรมการช่วยเหลือชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR        ให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 โดยได้รับเกียรติจาก นพ.อภิชัย โตวณะบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการแพทย์ โรงพยาบาลพญาไท3 และ พ.ต.อ.อชิรวิทย์ ทองจันดี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ การเข้าอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ภายในงานมีการสอนวิธีช่วยเหลือชีวิติขั้นพื้นฐาน CPR ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ให้ผู้ร่วมเข้าอบรมได้ปฏิบัติจริงทำให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โดยได้วิทยากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พว.ดวงพร  แหล่งหล้า พว.พัชราภรณ์ เพชรรัตน์ BLS instructor เป็นผู้ให้ความรู้ในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

โรงพยาบาลพญาไท3 มีความยินดีอย่างยิ่งที่ไว้วางใจให้เราได้ดูแล และหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกท่านจะได้นำความรู้ที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดูแลประชาชน ช่วยเหลือสังคมต่อไป

เปิดโลกที่ไร้กรอบด้วย เทคโนโลยีการแก้ไขสายตาด้วย AI ( Smart Sight ) ศูนย์เลสิกโรงพยาบาลพญาไท3

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์เลสิกโรงพยาบาลพญาไท3 จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวเทคโนโลยีการแก้ไขสายตาด้วย AI  ( Smart Sight ReLEx  ) โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก นายแพทย์สุรพล โล่ห์สิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท3 กล่าวต้อนรับเปิดงานในครั้งนี้ ร่วมด้วยคณะผู้บริหารและทีมแพทย์  แสดงถึงความพร้อมก้าวไปอีกขั้นของการแก้ปัญหาด้านสายตาโดยการใช้เทคโนโลยี  AI เข้ามาช่วยควบคุมและคำนวณการแยกชั้นกระจกตาให้เป็นเลนส์ รวมถึงมีระบบการจดจำรูม่านตา ติดตามการเคลื่อนไหวและการหมุนของดวงตา ก่อนทำการผ่าตัดและขณะทำการผ่าตัด โดยทำงานร่วมกับการออกแบบและวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์เลสิกโรงพยาบาลพญาไท 3 ซึ่งวิธีนี้เป็นการรักษาภาวะสายตาผิดปกติแบบไร้ใบมีด แผลเล็กใน Version ล่าสุด ที่มีความแม่นยำสูงได้ผลการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ พญ. กิตติกมล วงศ์ไพศาลสิน จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตาและการแก้ไขสายตา ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลพญาไท 3 ยังได้ร่วมพูดคุยถึงเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย โดยเลือกใช้เครื่องรักษาสายตาผิดปกติด้วยเลเซอร์รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสูงด้วยเทคนิคการรักษาที่ครบวงจรไม่ว่าจะเป็น เทคนิค Smart Surf ,  Smart Lasik Smart Sight , การผ่าตัดใส่เลนส์เสริม ICL ,  การรักษาภาวะตาแห้ง IPL หากคุณมีปัญหาด้านสายตาศูนย์เลสิก โรงพยาบาลพญาไท3ของเราพร้อมที่จะดูแลและพร้อมเปิดโลกที่ไร้กรอบที่ตอบโจทย์ทุกการแก้ไขปัญหาสายตาสำหรับคุณ

องค์บุญแห่งล้านนา ครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น แจกหม้อข้าวหม้อแกง ให้แก่สตรีแม่บ้านเพื่อช่วยงานสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าครูบาธรรมชัย เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมชัย จังหวัดน่านและ สำนักปฏิบัติธรรม ธรรมชัย แผ่นดินทอง อำเภอ หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ได้แจกหม้อข้าวหม้อแกง เพื่อให้สตรีแม่บ้านในเขตชุมชนได้ใช้ เพราะหม้อเป็นกิจวัตรที่สตรีแม่บ้านจะต้องใช้เป็นประจำ บางวัดบางกลุ่มสตรีแม่บ้านไม่มีปัจจัยซื้อตามชนบท หลวงพ่อครูบาธรรมชัย(กล่าวว่า)ท่านเล็งเห็นว่ากิจกรรมงานบุญประจำปีกิจกรรมงานบุญของวัดหรือชุมชนหม้อข้าวหม้อแกงมีความจำเป็นต่อสตรีแม่บ้านเป็นอันดับต้นๆๆท่านมีโอกาสใด้ลงพื้นที่ใด้เห็นความลำบากขอตั้งโครงการหม้อข้าวหม้อแกงแจกจ่ายให้แก่สตรีแม่บ้านเพื่อช่วยงานสังคม โดยครั้งนี้ได้หม้อข้าวหม้อแกงแจกจำนวน 32 ชุมชนเป็นจำนวน 40 กว่าชุดแล้ว ทั้งจังหวัดน่าน จังหวัดแพร่ และจังหวัดเชียงราย โดยดูจากกลุ่มสตรีแม่บ้านที่อยู่ตามชลบทในครั้งนี้

ชวนร่วมงาน ‘Design Perspectives x Golden Pin Salon Bangkok 2024’ แชร์ความรู้จากนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญชื่อดังชาวไทยและไต้หวัน 16 พ.ค. นี้

ขอเชิญทุกท่านร่วมรับฟังแนวคิดการออกแบบจากนักออกแบบชื่อดังชาวไต้หวันและไทย เตรียมพบกับงาน ‘Design Perspectives x Golden Pin Salon Bangkok 2024’ โดย Golden Pin Design Award ในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 - 21.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 4 อาคาร AUA Language Center ราชดำริ จัดโดยสถาบันวิจัยการออกแบบไต้หวัน (Taiwan Design Research Institute) เจ้าของเวทีประกวดการออกแบบชื่อดัง Golden Pin Design Award และร่วมจัดโดย art4d 

‘Design Perspectives x Golden Pin Salon’ ก่อตั้งโดย Golden Pin Design Award ของไต้หวันในปี 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนนักออกแบบที่ชนะการประกวด Golden Pin Design Award มาแบ่งปันแนวคิดการออกแบบและประสบการณ์จากวิชาชีพของพวกเขาให้แก่บุคคลที่มีความชื่นชอบและสนใจในการออกแบบสาขาต่าง ๆ โดยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา Salon ได้ออกทัวร์ไปแล้ว 21 เมืองทั่วเอเชีย อาทิ เซี่ยงไฮ้ มาเก๊า กัวลาลัมเปอร์ ฮ่องกง และไทเป จนถึงปัจจุบัน Salon ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่โด่งดังที่สุดในเอเชียมาบรรยายเพื่อแบ่งปันแนวคิดการออกแบบในงานนี้มาแล้วกว่า 100 คน

สำหรับงาน ‘Design Perspectives x Golden Pin Salon Bangkok 2024’ ที่กำลังจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯในครั้งนี้ ได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสาขาต่าง ๆ ทั้งชาวไต้หวันและไทยที่ชนะการประกวด Golden Pin Design Award มาบรรยายและแบ่งปันแนวคิดการออกแบบภายใต้หัวข้อ ‘Unlocking Creative Potential: Values, ideas and attitudes that shape a new design territory for a better world’ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การประกวด Golden Pin Design Award ให้เป็นที่รู้จักในหมู่นักออกแบบอย่างทั่วถึงในทวีปเอเชีย

โดยงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนักออกแบบทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ 

-Chen Wei สถาปนิกผู้และผู้จัดการโครงการ จาก Metahouse Architects & Associates ประเทศไต้หวัน
-Johnason Lo ผู้ก่อตั้ง JL DESIGN สตูดิโอออกแบบที่เชี่ยวชาญในด้านการสร้างกลยุทธ์แบรนด์จากไต้หวัน
-ฉัตรพงศ์ ชื่นฤดีมล ผู้ก่อตั้ง CHAT Architects และเจ้าของรางวัลศิลปาธรสาขาสถาปัตยกรรมจากประเทศไทย 
-กฤษณ์ พุฒพิมพ์ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอออกแบบผลิตภัณฑ์ Dots Design Studio จากประเทศไทย 

ทั้งนี้งาน ‘Design Perspectives x Golden Pin Salon Bangkok 2024’ จะจัดขึ้นในวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 - 21.00 น. (เริ่มลงทะเบียนเข้างาน 17:00) ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 4 อาคาร AUA Language Center ราชดำริ กรุงเทพมหานครฯ 

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านมาร่วมรับฟังนักออกแบบผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับรางวัลทั้งสาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน การออกแบบสถาปัตยกรรม และการออกแบบกราฟิก มาแบ่งปันประสบการณ์การออกแบบทั้งวิธีการคิดและการปฏิบัติ

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อสำรองที่นั่งได้ที่: https://www.eventpop.me/e/27814 

*พิเศษสำหรับผู้เข้าฟังสัมมนา* 
ผู้ที่ลงทะเบียนและเข้าร่วมฟังสัมมนาในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤษภาคม 2567 ที่ AUA ราชดำริ สามารถแจ้งความประสงค์ผ่านแบบฟอร์มลงทะเบียนหากคุณต้องการส่งผลงานของคุณร่วมประกวดในเวที The Golden Pin Design Award 2024 โดยผู้โชคดี 15 ท่านจะได้รับ Promotion code สำหรับส่งผลงานเข้าประกวดฟรี!

*หมายเหตุ: เข้าร่วมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย และมีบริการหูฟังแปลภาษา

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/art4dMagazine
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Email: [email protected] 
เกี่ยวกับ Golden Pin Design Award 2024

Golden Pin Design Award กำลังเปิดรับสมัครผลงานในปีนี้ โดยผู้สนใจสามารถส่งผลในรอบการลงทะเบียนล่วงหน้า (Early Bird) ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 7 มิถุนายน 2567 และรอบปกติตั้งแต่ 7 มิถุนายน ถึง 26 มิถุนายน 2567 โดยเปิดรับผลงานจากนักออกแบบและบริษัททั่วโลก ทั้งผลงานออกแบบหรือผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์  ผลงานออกแบบเชิงพื้นที่หรือเชิงบูรณาการที่สร้างเสร็จและเปิดใช้งานแล้ว 

สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ Golden Pin Design Award เพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับการประกวดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.goldenpin.org.tw/en

รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ฯ ซ้อมแผนเตรียมรับอุบัติภัยหมู่ในและนอก รพ.ฯ

พลเรือตรี สรรชัย เลิศวีระศิริกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้มีนโยบาย การซ้อมแผน Mass Casualty Incident การรับมือกับอุบัติภัยหมู่ ดำเนินการจัดการซ้อมแผนเผชิญเหตุด้านการแพทย์ ABKH-07 แผนเผชิญเหตุ รองรับผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนมากนอกโรงพยาบาลทางบก และ ABKH-06 แผนเผชิญเหตุ รองรับผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนมากในโรงพยาบาล Standard Operating Procedure (SOP) เพื่อเตรียมความพร้อมด้านองค์บุคคล องค์วัตถุ องค์ยุทธวิธี และการบริหารจัดการ ในการเผชิญเหตุด้านการแพทย์ทั้งในโรงพยาบาล และนอกโรงพยาบาล เพื่อเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จากกองทัพเรือ และในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยดังกล่าว

มีชุมชนที่เป็นทั้งกำลังพล ครอบครัว กำลังพลของ ทร. และประชาชนในชุมชนของภาคพลเรือนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอาศัยอยู่ โดยดำเนินการฝึกแผนรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนมากนอกโรงพยาบาล ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองตะเคียน และซ้อมแผนรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินจำนวนมากในโรงพยาบาล บริเวณพื้นที่ส่วนกลางห้องตรวจโรคผู้ป่วยนอก รพ. อาภากรเกียรติวงศ์ ฐท.สส. เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top