Friday, 11 July 2025
NEWS FEED

‘ดร.เอ้’ เชื่อความจริงใจช่วยไทยคุยสหรัฐฯได้ พร้อมเดินหน้าขอใช้การศึกษาเชื่อมความสัมพันธ์

ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภามหาวิทยาลัย CMKL University มหาวิทยาลัย AI แห่งแรกของไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ...

"ก้าวใหม่ ไทย-สหรัฐ เราต้องไปด้วยกัน" 
4 หมุดหมาย เปลี่ยน 'เหินห่าง' เป็น 'ใกล้ชิด' ไทยได้ประโยชน์

"นโยบายเพิ่มภาษีนำเข้า" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรง และยังสะท้อนความสัมพันธ์ที่ 'เหินห่าง' กับไทย 

แต่สหรัฐกลับไป 'ใกล้ชิด' กับ 'เวียดนาม' ที่ได้รับการเอื้ออย่างมาก ทั้งด้านภาษี ด้านการลงทุนอุตสาหกรรมไฮเทค และด้านสนับสนุนการศึกษา

เราต้องยอมรับว่า ระดับความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา มีความสำคัญยิ่ง ต่อทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการศึกษาของประเทศไทย มากกว่าประเทศใดในโลก

เมื่อ 'ความใกล้ชิด' เปลี่ยนเป็น 'ความเหินห่าง' ประเทศไทยต้องทำอย่างไร คงเหลือทางเดียว คือ การพบปะ พูดคุย แสดงความจริงใจ ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายเดียว 

ผมเชื่อมั่น อเมริกาพอคุยได้ เพราะความสัมพันธ์ไทย-อเมริกัน ลึกซึ้ง ยาวนาน คนอเมริกันรักคนไทย นโยบายเปลี่ยน แต่ความสัมพันธ์อย่าให้เปลี่ยน

การเดินทางของผมในฐานะ 'นายกสภามหาวิทยาลัย' และทีมผู้บริหารของ CMKL University 'มหาวิทยาลัย AI แห่งแรกของไทย' เพื่อ 'ยกระดับความสัมพันธ์' ใกล้ชิด กับสหรัฐ ทางด้านการศึกษา ด้านงานวิจัยด้าน AI และด้านวิศวกรรมการชีวการแพทย์ และด้านการบริหารอุตสาหกรรม คือ 'เป้าหมาย'

หมุดหมายแรก เราจะเดินทางไปมหาวิทยาลัย Claremont หนึ่งในสุดยอดมหาวิทยาลัย ใกล้กับเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอเนียร์ เพื่อโน้มน้าว 'คณะบริหารธุรกิจ Drucker School of Management' สุดยอดด้านการบริหารองค์กรของโลก ที่ก่อตั้งโดย ศาสตราจารย์ปีเตอร์ ดรักเกอร์ 'บิดาแห่งศาสตร์บริหารยุคใหม่' ให้มาตั้งฐานในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เพื่อสอน 'เด็กไทย' ให้เป็นผู้ประกอบการชั้นยอด และเพื่อสอน SME ไทยให้ 'ก้าวทันโลก' แข่งขันได้

หมุดหมายที่ 2 เราบินต่อไปยังเมือง "ซานฟรานซิสโก" เพื่อสร้างความร่วมมือกับ สถาบัน QB3 - California Institute for Quantitative Biosciences จากวิสัยทัศน์ "ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอเนียร์" ก่อตั้งเพื่อ "รวมพลัง 3 มหาวิทยาลัยระดับโลก" ในรัฐแคลิฟอเนียร์ สร้างงานวิจัย สู่อุตสาหกรรม สู่ startup 

เด็กได้ทุนเรียนหนังสือ มหาวิทยาลัยได้ผลงาน นักลงทุนได้ผลตอบแทน สุดยอดมาก ผมตั้งใจ จะนำโมเดลนี้ มาใช้ที่ 'ประเทศไทย' ให้เด็กไทย "เรียนฟรี มีงานทำ มีธุรกิจ"

หมุดหมายที่ 3 เราเดินทางต่อไปยัง 'กรุงวอชิงตัน ดีซี' เพื่อหารือกับ 'กองทุนฟูลไบรท์' ที่ให้ทุนเด็กทั่วโลกได้เรียนที่สหรัฐ แม้วันนี้รัฐบาลทรัมป์ตัดงบไปเยอะ แถมยังให้ทุนเด็กไทยน้อยลง เปรียบเทียบกับเวียดนามที่มีเด็กไปเรียนอเมริกามากที่สุด เป็นอันดับ 5 แล้ว

ผมตั้งใจจะขอการสนับสนุนให้นักศึกษาไทยมากกว่าเดิม และให้กองทุนผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐ ส่งเสริมให้เด็กไทย มีโอกาสเข้าเรียนใน 'มหาวิทยาลัยชั้นนำ' ได้มากกว่าเดิม ได้กลับมารับใช้ประเทศไทย

หมุดหมายที่ 4 เยือน  Carnegie Mellon University มหาวิทยาลัยท็อปของโลกด้าน AI ที่เมืองพิตส์เบิร์ก ที่ผมดึงมาตั้งที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในอาเซียน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2560 ในชื่อมหาวิทยาลัย CMKL เพื่ออัปเดตงานวิจัยด้าน AI ระดับโลก และขอให้ยังคงรับเด็กไทยไปเรียนด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ AI และสาขาอื่นๆ ในระดับปริญญาตรี โท และเอก

ภารกิจสร้างความสัมพันธ์ 'ด้านการศึกษา' 'ด้านงานวิจัย-นวัตกรรม' และ 'ด้านพัฒนา SME ไทย' กับสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ สำคัญมาก เพราะอาจเป็น 'จุดเปลี่ยน' ให้สหรัฐกลับมาสนใจ สนับสนุน และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับไทยเหมือนอดีต 

ผมหวังว่า "ความสำเร็จ" จากการเดินทางของผมและทีมในครั้งนี้ จะเกิด "ผลประโยชน์" ต่อการ "สร้างคนไทย" ให้มีโอกาส ได้ยกระดับทักษะ การศึกษา ด้านเทคโนโลยีมูลค่าสูง สู่การต่อยอดเป็น "เศรษฐกิจใหม่" ให้ไทยรอดและเติบโตได้ ในโลกของการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดนี้

ขอกำลังใจจากคนไทยทุกคน ด้วยนะครับ

ยูเนสโกขึ้นบัญชี 'พระปรางค์วัดอรุณ' สู่มรดกโลกเบื้องต้น ไทยมีลุ้น!! ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกอย่างสมบูรณ์

(11 ก.ค. 68) ยูเนสโก (UNESCO) รับรองการเสนอชื่อ 'พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม: สถาปัตยกรรมชิ้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์' เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของไทย อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 ตามจดหมายจาก เออร์เนสโต ออตโตเน (Ernesto Ottone) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายวัฒนธรรมของยูเนสโก

การอยู่ในบัญชี Tentative List ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการเสนอชื่อสถานที่เข้าสู่การเป็น 'แหล่งมรดกโลก' อย่างสมบูรณ์ โดยยูเนสโกระบุว่า เอกสารที่ไทยส่งมานั้นสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก และแสดงถึงความมุ่งมั่นในการอนุรักษ์และจัดการแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม

สำหรับ บัญชี Tentative List คือรายชื่อสถานที่ที่ประเทศสมาชิกมีแผนจะเสนอชื่อให้เป็นมรดกโลกในอนาคต โดยหากไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีนี้ จะไม่สามารถยื่นเสนอขอขึ้นทะเบียนได้ในภายหลัง จึงถือเป็นก้าวแรกที่มีความหมายยิ่งต่อการอนุรักษ์มรดกของชาติ

ทั้งนี้ พระปรางค์วัดอรุณนับเป็นสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของกรุงเทพฯ และเป็นหนึ่งในโบราณสถานสำคัญที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของไทยในยุครัตนโกสินทร์ การได้รับการรับรองครั้งนี้จึงถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศ และเป็นโอกาสในการผลักดันคุณค่าไทยสู่สายตาโลก

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีแหล่งในบัญชีรายชื่อเบื้องต้นของยูเนสโก รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทวัฒนธรรม 6 แห่ง ประเภทธรรมชาติ 1 แห่ง

ประเภทวัฒนธรรม ได้แก่ 1. กลุ่มปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และเขตรักษาพันธุ์ค้างคาวพลาย 2. อนุสาวรีย์ สถานที่ และภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของเชียงใหม่ 3. พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม 4. พระธาตุพนมและบริเวณโดยรอบ 5. สงขลาและชุมชนริมทะเลสาบที่เกี่ยวข้อง 6. วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช และ ประเภทธรรมชาติ ได้แก่ 7. เขตอนุรักษ์ธรรมชาติทะเลอันดามันของประเทศไทย

ผบ.ตร.นำคณะตำรวจไทยเยือนญี่ปุ่น เข้าพบ ผบ.ตร.ญี่ปุ่น และเอกอัครราชทูต หารือ แลกเปลี่ยนความร่วมมืออาชญากรรมไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ ค้ามนุษย์  พร้อมดูงานสถานีตำรวจ หน่วยงานอาชญากรรมเทคโนโลยี เพื่อนำมาปรับใช้ ยกระดับการทำงานตำรวจไทย

(11 ก.ค.68) พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6-9 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และคณะ ได้เดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ

ผบ.ตร.และคณะเข้าเยี่ยมคารวะ นายโยชิโนบุ คุสึโนกิ ผบ.ตร.ญี่ปุ่น โดยได้มีการหารือประเด็นความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การฉ้อโกงออนไลน์ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในโอกาสนี้ ผบ.ตร.ได้กล่าวขอบคุณ ผบ.ตร.ญี่ปุ่น ที่อนุมัติในหลักการการส่งนายตำรวจประสานงานมาประจำยังประเทศญี่ปุ่น

คณะตำรวจไทยได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานีตำรวจชินจูกุ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนปฏิบัติหน้าที่รวม 700 นาย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง 100 คน โดยคณะฯ ได้มีโอกาสเยี่ยมชมการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกต่างๆ ของสถานีตำรวจ ได้แก่ แผนกสืบสวนอาชญากรรมองค์กร และศูนย์รับแจ้งเหตุ

ผบ.ตร.และคณะยังได้เข้าพบ นายฮิเดอากิ โออิตะ ผู้อำนวยการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ เพื่อประชุม หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลการสืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ และศึกษาดูงานหน่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคโนโลยี โดยเป็นหน่วยงานทำหน้าที่สนับสนุนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในด้านการพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล เช่น การตรวจสอบวัตถุพยานต่างๆ และการรักษาสภาพของวัตถุพยาน เช่น โทรศัพท์ ฮาร์ดดิสก์ รถยนต์ เป็นต้น และศึกษาดูงานศูนย์ต่อต้านการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งมีหน้าที่ในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการกระทำที่เป็นภัยต่อประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นการโจมตีทางไซเบอร์
  
นอกจากนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ยังได้นำคณะเข้าหารือกับ นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว เพื่อหารือปัญหาการลักลอบเข้าเมือง การค้ามนุษย์ รวมถึงปัญหาการเดินทางของคนไทยและนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางมายังประเทศไทยด้วย 

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการของ ผบ.ตร.และคณะ นำมาซึ่งประโยชน์ของการหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางการญี่ปุ่น โดยเฉพาะอาชญากรรมทางไซเบอร์ คอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ รวมทั้งการดูงานสถานีตำรวจ ศูนย์สืบสวนอาชญากรรมทางไซเบอร์ หน่วยงานพิสูจน์หลักฐานทางดิจิทัล ซึ่งได้ประโยชน์ แนวคิดหลายประการที่จะนำมาปรับใช้ในการทำงานของตำรวจไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ในการดูแลพี่น้องประชาชนต่อไป

 

‘มังกรทะเลสีน้ำเงิน’ โผล่หาดกะรน จ.ภูเก็ต อีกครั้ง เตือนภัยนักท่องเที่ยวห้ามจับเด็ดขาดมีพิษร้ายถึงชีวิต

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.68) เพจ 'ฉุกเฉินการแพทย์' ได้โพสต์เตือนภัย 'มังกรทะเลสีน้ำเงิน' โผล่ทะเลบริเวณหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีพิษร้ายแรง หากสัมผัสโดนอันตรายถึงชีวิต

โดยทางเพจระบุข้อความว่า “ด่วนรับแจ้งจากประชาชนหาดกะรน จ.ภูเก็ต พบ Blue Dragon บริเวณหาดกะรน จากการตรวจสอบข้อมูลทางวิชาการที่มีการเผยแพร่กัน พบว่า Blue Dragon เป็นชื่อของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้น้ำทะเลชนิดหนึ่ง โดยเป็นทากทะเลประเภทหนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Glaucus Atlanticus หรือรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า Blue Ocean Slug โดย Blue Dragon ถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง พบได้ตามมหาสมุทรและชายฝั่งน้ำอุ่นแถบประเทศออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ และยุโรป มีรูปร่างคล้ายมังกรหกปีกพร้อมลายสีน้ำเงินสดสะดุดตา โดยลำตัวจะโตยาวสุดแค่ 1-1.5 นิ้วเท่านั้น

มีนิสัยดุร้ายพร้อมโจมตีเหยื่อและผู้บุกรุกด้วยพิษสุดร้ายแรงที่จะเข้าไปทำลายระบบประสาทการทำงานของหัวใจและเซลล์ผิวหนัง

- บลูดรากอน (Blue Dragon) หรือมังกรทะเลสีน้ำเงิน มีพิษและเป็นอันตราย ห้ามจับเด็ดขาด ถึงแม้จะมีขนาดเล็กและสีสันสวยงาม แต่พิษของมันสามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงหากสัมผัสกับผิวหนัง พิษของมันมีฤทธิ์คล้ายกับแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส

- พิษร้ายแรง:
บลูดรากอนไม่ได้ผลิตพิษเอง แต่เก็บสะสมพิษจากสัตว์ที่มันกิน เช่น แมงกะพรุนพิษ

- อาการเมื่อโดนพิษ:
หากโดนพิษของบลูดรากอน อาจมีอาการปวดแสบปวดร้อน คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดศีรษะอย่างหนัก

- อันตรายถึงชีวิต:
สำหรับผู้ที่แพ้พิษ อาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

- ข้อควรระวัง:
หากพบเห็นบลูดรากอนบนชายหาดหรือในทะเล ห้ามเข้าใกล้หรือสัมผัสเด็ดขาด

- การปฐมพยาบาลเบื้องต้น:
หากถูกพิษ สามารถใช้น้ำส้มสายชูล้างบริเวณที่ถูกพิษ เพื่อบรรเทาอาการ“

ทางเพจเผยเพิ่มเติมว่า “หายไปเกือบ 2 ปีเต็ม วันนี้มีคนพบอีกครั้งที่หาดกะรน จ.ภูเก็ต มังกรสีนํ้าเงิน (Blue Dragon) Glaucilla marginata กับสีสันที่สวยงามและมาพร้อมพิษที่ร้ายแรง เจอห้ามสัมผัสจะกินแมงกะพรุนที่มีพิษร้ายแรงเป็นอาหาร (แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส) ทำให้มีการสะสมพิษไว้ในตัว”

สน.คันนายาวเดินหน้าปราบแว้น 'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568' จับผู้ต้องหา 18 ราย ยึดรถ 17 คัน ปิดเพจชักชวนแข่งรถ 2 แห่ง

เมื่อวานนี้ 10 ก.ค. 68) ตามแผนยุทธการ 'ปิดกรุงเทพซิ่ง 2568' ของตำรวจนครบาล ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินหน้ากวาดล้างกลุ่มแข่งรถในทางอย่างจริงจัง โดยมี พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.เศกสิทธิ์ สุภาอ้วน รอง ผบก.น.2 ร่วมกำกับดูแลและสั่งการให้แต่ละพื้นที่ดำเนินการตามแนวทางป้องกันปราบปรามการแข่งรถในทาง ซึ่ง สน.คันนายาว ได้ดำเนินการเชิงรุก ป้องกันและปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นที่นัดหมายแข่งรถผ่านโซเชียลมีเดีย และร้านแต่งรถเถื่อนที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงของวัยรุ่นในพื้นที่

โดย พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว พร้อมด้วย พ.ต.ท.อภิชนฌาณ ครามสูงเนิน รอง ผกก.ป.สน.คันนายาว และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ได้ดำเนินการเข้มข้นต่อเนื่องระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2568 สามารถจับกุมผู้ต้องหาในความผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทางได้รวม 18 ราย ยึดรถจักรยานยนต์แต่งซิ่ง 17 คัน พร้อมดำเนินการ ปิดเพจเฟซบุ๊ก 2 เพจ ที่ใช้ปลุกระดมรวมกลุ่มแข่งรถในทางอย่างผิดกฎหมาย

โดยหนึ่งในปฏิบัติการเริ่มจากการลงพื้นที่ตรวจสอบร้านแต่งรถจักรยานยนต์ในเขตคลองสามวา พบมีการรับจูนเครื่องยนต์ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ฐานประกอบกิจการที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลมีคำพิพากษาปรับเป็นเงิน 5,000 บาท

ต่อมาในวันที่ 3 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบริเวณซอยพระยาสุเรนทร์ 41 สามารถควบคุมตัววัยรุ่นได้ 8 ราย พร้อมรถจักรยานยนต์ 8 คัน ดำเนินการเปรียบเทียบปรับในชั้นพนักงานสอบสวนเป็นเงินคนละ 1,000 บาท พร้อมให้ผู้ปกครองมารับตัว และลงนามในบันทึกทัณฑ์บน พร้อมเปลี่ยนท่อไอเสียเป็นแบบมาตรฐาน มอก.

ถัดมาในเช้ามืดวันที่ 4 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจบูรณาการกำลังสกัดจับกลุ่มวัยรุ่นที่นัดหมายผ่านเพจ “ปิดกรุงเทพ ซิ่ง.” บริเวณถนนรามอินทรา กม.6 ได้ผู้ต้องหา 4 ราย ของกลางรถ 4 คัน โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยศาลแขวงมีนบุรีมีคำพิพากษา กักขังคนละ 1 เดือน และ พักใช้ใบขับขี่ 6 เดือน ยกเว้นผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนซึ่งถูกส่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนฯ พร้อม ริบของกลางทั้งหมด

แม้เพจดังกล่าวจะถูกปิดลง แต่ในวันที่ 6 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่พบว่ามีการเปิดเพจใหม่ชื่อ “แว้น กรุงเทพฯ” มีผู้ติดตามกว่า 4,900 ราย และมีการนัดหมายแข่งรถบริเวณถนนรามอินทรา กม.9 จนนำไปสู่การจับกุมเยาวชนเพิ่มเติม 6 ราย อายุระหว่าง 15–17 ปี ส่งเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูและดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองเด็กเช่นกัน

สรุปผลการปฏิบัติของ สน.คันนายาว ในห้วงเวลาดังกล่าวข้างต้น มีดังนี้:
• จับกุมผู้ต้องหา 18 ราย
• ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 17 คัน
• ปิดเพจเฟซบุ๊กปลุกระดม 2 เพจหลัก
• ประสานผู้ปกครองให้รับตัว พร้อมดำเนินมาตรการทัณฑ์บน

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ย้ำว่า คณะทำงานป้องกันและปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น แข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้วางแนวทางการดำเนินคดีอย่างเข้มงวด ทั้งการแข่งรถในทาง การขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง และเป็นความผิดทางอาญา ศาลพิพากษาลงโทษหนัก ริบรถของกลาง จึงอยากฝากเตือนพี่น้องประชาชนวัยรุ่นรวมถึงผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน ให้ช่วยกันห้ามปราม อย่าปล่อยปละละเลยบุตรหลานของท่าน และอย่าเลียนแบบหรือกระทำตามในลักษณะนี้เด็ดขาด พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ คณะทำงานฯ ขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ทั้งการโพสต์ชักชวน เชิญชวน บนสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆก็ดี ทั้งการรวมตัวบนท้องถนนก็ดี โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

📣 สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน 'เพชรบุรี Fresh เกษตรกลางเมือง'

📣 สำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี
ขอเชิญทุกท่านร่วมงาน
🎉 'เพชรบุรี Fresh เกษตรกลางเมือง' ✨ 🍍🍋‍🟩🍌
ครั้งแรก! กับความสดใหม่ของสินค้าเกษตรเมือง 'สามรส'
🍍 ยกทัพของดีจากเพชรบุรีบุกกรุงเทพฯ
🌟สดจริง! แปรรูปจริง! ครบรส เปรี้ยว หวาน เค็ม
🗓️ วันที่ 16–21 กรกฎาคม 2568
📍 ลานโปรโมชั่น ศูนย์การค้า JJ Mall จตุจักร กรุงเทพฯ
🛍️ งานมหกรรมตลาดสินค้าเกษตรเชื่อมโยงสู่ตลาดภาคนอกจังหวัด
📍รวมสินค้าคุณภาพจากเกษตรกรเพชรบุรีกว่า 30 ร้านค้า ทั้งผลสด แปรรูป วิสาหกิจชุมชน และ SMEs

✨ ไฮไลต์เด็ดห้ามพลาด✨
🍍🍋‍🟩🍌นิทรรศการ 'เมืองสามรส' ถ่ายทอดองค์ความรู้จากต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านสินค้าท้องถิ่น
♻️ กิจกรรม 'หิ้วถุงผ้า แลกสินค้าเด่นเพชรบุรี'
พกถุงผ้ามา รับฟรี! ของที่ระลึกหรือสินค้าเกษตรคุณภาพ
🔥 นาทีทอง ลดจัดหนัก! ของดีราคาพิเศษ มีเฉพาะในงาน
🍽️ กิจกรรม 'กินให้สุด สนุกกับของเด่นเพชรบุรี'
แข่งขันกินผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของจังหวัด (19 กรกฎาคม 2568)
🎤 มินิคอนเสิร์ต 'ก้านตอง ทุ่งเงิน' (18 กรกฎาคม 2568 ) เจ้าของเพลงฮิต กุหลาบ 🌹

💚 ช้อป ชิม ชม เพลินทุกวันกับสินค้าและกิจกรรมคุณภาพ ที่คนรักเกษตรไม่ควรพลาด!

‘หมอธานี’ ยกย่องพระอัจฉริยภาพ ‘กรมพระศรีสวางควัฒนฯ’ ทรงงานด้วยพระองค์เองพัฒนายารักษามะเร็งมุ่งเป้าจนสำเร็จ

เมื่อวันที่ (21 พ.ย.66) นพ.ธานี ธานียวรรณ อาจารย์แพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ ใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงงานด้านเภสัชกรรมด้วยพระวิริยะอุตสาหะ และพระปณิธานอันแน่วแน่ตลอดหลายปี จนเกิดเป็นคุณูปการสำคัญต่อวงการสาธารณสุข คือ ยาเม็ดรักษาโรคมะเร็งชนิดมุ่งเป้าตำรับแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย 'อิมครานิบ 100 / IMCRANIB 100'

โดยนพ.ธานี ระบุว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ เพราะการที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญทางวิทยาศาสตร์อย่างมาก ถึงขนาดที่ลงมาทรงงานและนำทีมนักวิจัยด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้ ยังไม่เห็นมีประเทศใดในโลกที่เป็นเช่นนี้ มีเพียงประเทศไทยเท่านั้น

และที่สำคัญทุกขั้นตอนของการผลิตยาประเภทนี้ ในทุกขั้นตอนเป็นเรื่องที่ยากมาก ทั้งการต้องใช้เงินทุนวิจัยและพัฒนาจำนวนมาก และยังต้องประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ อีกทั้ง ยังในแต่ละขั้นตอนยังผิดพลาดไม่ได้ เพราะหากเกิดความผิดพลาดหมายถึงชีวิตมนุษย์ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมากสำหรับประเทศไทย

'เจริญชัย - ERDI-CMU - KMUTT' นำนวัตกรรม NIA หม้อแปลง AI Low Carbon ลดโลกร้อนลดค่าไฟจริง 20% เพิ่มปริมาณกำลังการผลิตโซลาร์ 6-8% คืนทุน 1 ปี

กลุ่มพันธมิตรพร้อมสนับสนุนการลุงทุน 0 บาท และคืนกำไร 100% AI Transformer Management Platform for Green Electricity Integration with battery พร้อม Workshop (Use Case)

เมื่อวันที่ (4 ก.ค.68) สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ERDI-CMU) จัดสัมมนาวิชาการในหัวข้อ “เสริมแกร่งอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ลดค่าไฟ สู่การลดอุณหภูมิโลก นวัตกรรม NIA แห่งอนาคต จากวิกฤติ สู่ทางรอด ด้วยพลังงาน AI แห่งอนาคต AI Transformer Management Platform for Green Electricity Integration with battery พร้อม Workshop (Use Case) ” ณ ห้องประชุมประเสริฐฤกษ์เกรียงไกร สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่แนวทางการจัดการพลังงานยุคใหม่ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานประกอบการทุกระดับ โดยไม่ต้องมีเงินลงทุนเริ่มต้น

กลุ่มพันธมิตรบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี , บริษัท บ้านปู เน็กซ์ อีโคเสิร์ฟ จำกัด และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ทุกองค์กรได้ให้ความรู้กับผู้ประกอบการที่เข้ารับฟังสัมมนาครั้งนี้ ผู้ประกอบการมีความสนใจด้านการลดคาร์บอนเป็นจำนวนมาก ตอบโจทย์ผู้ประกอบการทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ รวมทั้งช่องทางการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถดำเนินการได้ การจัดหาแหล่งเงินทุน การสนับสนุนต่างๆ จากภาครัฐ การอนุรักษ์พลังงานอื่นๆ ที่เหมาะสมต่อสถานประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น และเป็นการสนับสนุนแนวนโยบายของกระทรวงพลังงาน ในการรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะการคำนึกถึงการลดภาวะโลกร้อน และพลังงานคาร์บอนต่ำซึ่งเป็นไปตามเทรนด์ที่หลายบริษัทชั้นนำระดับโลกมุ่งหาพลังงานสะอาด

นายประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ กรรมการบริหาร (นวัตกรรม) บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าว ขอขอบคุณกลุ่มพันธมิตรทุกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ซึ้งทางบริษัทฯ ได้ร่วมบรรยายพร้อมยกตัวอย่าง  Use Case ของบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) สาขาลำพูน ให้ทางผู้ประกอบการได้เห็นเป็น Case กรณีศึกษา บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) สาขาลำพูน ทำการติดตั้งหม้อแปลง AI Transformer (หม้อแปลง Low Carbon) ขนาด 2000 kVA. โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ร่วมวิเคราะห์พร้อมวิจัย Platform บริหารจัดการพลังงานสะอาดสูงสุด (Platform AI บริหารจัดการ Solar กับ Energy Storage  ด้วยหม้อแปลง IoT (Low Carbon) ประโยชน์สูงสุดและเสถียรภาพ พร้อมทำ AI Net Zero Go To Near Zero, AI Cut Peak Demand, AI Saving, AI Sustainability, AI Increase old Solar 6-8% จากการวิเคราะห์หลังติดตั้งหม้อแปลง AI พบว่าสามารถลดการใช้พลังงานได้ประมาณ 20.28% และการเพิ่มผลผลิตโซลาร์เก่า 6-8% โดยมีระยะเวลาคืนทุนราว 11 เดือน ซึ่งผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในเชิงกราฟและข้อมูลอื่นๆ เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพื่อให้การวิเคราะห์ในเชิงวิชาการมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 

ภายในงาน ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี  ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานและผู้แทนพิเศษ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน และเปิดเวทีด้วยวิสัยทัศน์ด้านพลังงานสะอาดที่สถาบันฯ ได้พัฒนาและขับเคลื่อนมาโดยตลอด ต่อจากนั้น นายบัณฑิต ตั้งโภคานนท์ พลังงานจังหวัดลาพูน กล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการผลักดันเป้าหมายสู่ Net Zero อย่างจริงจังและยั่งยืน และในงานสัมมนามีการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ ผศ.ดร.อนวัช แสงสว่าง  อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ศุภกิตติ์ โชติโก  หัวหน้าภาคประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวถึง “การปรับปรุงเพิ่มศักยภาพและความมั่นคงระบบไฟฟ้าการจ่ายพลังงาน ไฟฟ้าพลังงานสะอาดและ Solar (Saving Energy And Sustainable Energy) ด้วยหม้อแปลง AI Transformer Management Platform” , คุณวิศรุต จันทน์สุคนธ์ จากบริษัท บ้านปู เน็กซ์ อีโคเสิร์ฟ จำกัด ที่สนับสนุนโครงการลงทุน 0 บาท, คุณสถาปนา พรหมบุญ จาก BOI ภาคเหนือที่นำเสนอนโยบายสนับสนุนการลงทุนสูงถึง 50% และคุณประจักษ์  กิตติรัตนวิวัฒน์ กรรมการบริหาร (นวัตกรรม) บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด กล่าวถึง “นวัตกรรม NIA หม้อแปลง AI จากวิกฤติ สู่ทางรอด ด้วยพลังงาน AI แห่งอนาคต AI Transformer Management Platform for Green Electricity Integration with battery” 

ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์

(10 ก.ค.68) เวลา 13.30 น. ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส.ตร./ผอ.ศตคม.ตร./ผอ.ฉก.๘๘/หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ UNODC ต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ ดำเนินการชี้แจงสถานการณ์ปัญหาอาชญากรรมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ ในปัจจุบันให้ประชาชนทราบสถานการณ์ปัจจุบัน

สถานการณ์การหลอกลวงคนไทยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ผ่านมา ยังมีที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และลาว เพื่อที่จะหลอกคนชาติไทยและชาติต่าง ๆ ทั่วโลก และเนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางการบินที่สำคัญในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีเที่ยวบินจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศ ประกอบกับการคมนาคมที่สะดวกในการเดินทางกลุ่มคนร้ายจึงอาศัยช่องว่างดังกล่าว เข้ามาในไทยในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อเดินทางไปยังบริเวณแนวชายแดนแล้วลักลอบข้ามไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย หรือใช้ช่องทางดังกล่าว หลอกคนข้ามไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์

จากมาตรการการตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมาที่ติดกับประเทศไทย เพื่อกดดันให้มีการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ที่ปกครองโดยชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนระหว่างประเทศเมียนมาและไทย ทำให้เกิดการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเขตเมืองชเวโก๊ะโก๋ และเคเคพาร์ค ซึ่งพบคน ๓๖ สัญชาติ จำนวน ๘,๘๙๓ ราย แต่ยังพบว่าแต่ยังมีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่งหลบซ่อนและตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของเมืองเมียวดี ซึ่งจะต้องมีมาตรการในการดำเนินการอีกต่อไป

ในส่วนของประเทศกัมพูชา พบว่ามีการขยายตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งที่หลอกคนไทยและคนชาติต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่ามีการตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา จำนวน ๕๒ จุด ๑๐ จังหวัด โดยส่วนใหญ่ยังอยู่ในเมืองปอยเปต และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเขตชายแดนติดกับทางประเทศเวียดนาม มีแก๊งชาวจีนเป็นผู้บริหารจัดการ ได้รับความคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ในห้วงที่ผ่านพบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการขยายตัว จากประเทศกัมพูชาเช้ามาในประเทศไทยบางส่วน แต่ทางการไทยสามารถดำเนินการกวาดล้างจับกุมได้ โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้มุ่งหลอกคนชาติอื่นไม่ใช่คนไทย อาทิ ออสเตรเลีย เวียดนาม เกาหลี จีน ยุทธศาสตร์ ศปอส.ตร. ร่วมกับ ฉก.๘๘ และ UNODC ได้ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ “ผนึกกำลังประชาคมโลก ปราบปราม แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์” โดยกำหนดยุทธศาสตร์ไว้ 5 ด้าน (I 2L AI)

๑. การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร (Infrastructure) ได้แก่ ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต
๒. การตัดเครือข่ายขบวนการนำพา (Logistics) ได้แก่ เพจโฆษณา หางาน เพจจัดหาบัญชีม้าและคริปโต แอพในการ ติดต่อหายานพาหนะ กลุ่มรถรับจ้าง กลุ่มนำพาข้ามแดน การซีลชายแดน กลุ่มจัดหาบัญชีม้าและคริปโต
๓. การบังคับใช้กฎหมายและยึดทรัพย์ (Law Enforcement) โดยมุ่งเน้นไปที่ เจ้าของอาคารคอลเซ็นเตอร์ ผู้บงการ ผู้บริหารจัดการ ผู้ให้ความคุ้มครอง
๔. การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการควบคุมป้องกันไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน หรือใช้ในการหลอกลวง เพื่อลักลอบข้ามผ่านแนวชายแดนไปทำงานที่แก๊งคอล เซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน
๕. ผนึกกำลังประชาคมโลก (International Community) ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์

โดยนำองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UNODC, INTERPOL, FBI และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก มาร่วมปฏิบัติในศูนย์บริหารฉับพลันเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ (War Room for Combatting Cyber Scam Syndicate) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย โดยประเทศไทยจะเป็นผู้นำและศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยน ข้อมูล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานร่วมกันในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา เมียนมา และลาวการค้นเครือข่าย ก๊ก อาน

จากปฏิบัติการครั้งนี้ ทำการเข้าค้นเครือข่าย “ก๊ก อาน” ๒๐ จุดในพื้นที่ ๓ จังหวัด (กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี) สามารถอายัดเงินสด ๒๗ ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ ยึดทรัพย์รวมมูลค่า กว่า ๑,๑๐๐ ล้านบาทและจะดำเนินการออกหมายจับผู้มีส่วนร่วมกระบวนการทั้งหมด

‘แม่ทัพภาค 2’ วอนคนไทยใช้สติปมเขมรปล่อยคลิปยั่วยุ ชี้ เป็นเพียงการทำไอโอการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน

(10 ก.ค.68) อุบลราชธานี - แม่ทัพกุ้ง พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 วอนประชาชนอย่าใช้อารมณ์ในการดูคลิปที่ฝั่งตรงข้ามปล่อยมา เพราะบางครั้งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เป็นการสร้างไอโอทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันความสัมพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดีไม่มีปัญหาอะไร

จากกรณีที่ทางฝ่ายกัมพูชาปล่อยคลิปทหารไทย มีปากเสียงกับทางทหารกัมพูชา ที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกชี้แจงว่า เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00 น. โดยสื่อของฝ่ายกัมพูชาได้นำเสนอคลิปวิดีโอการโต้เถียงระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารไทยและทหารกัมพูชาลงโซเชียลนั้น

จากการตรวจสอบของหน่วยที่เกี่ยวข้อง พบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณช่องอานม้า ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 2310 โดยกำลังพลประมาณ 7 นาย ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อรองรับกิจกรรมภายในของหน่วย และกิจกรรมการตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชาคาดว่าฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าฝ่ายทหารไทยมีการปฏิบัติต่างไปจากวันปกติทั่วไปจึงอยากเข้ามาสังเกตการณ์ใกล้ ๆ

แต่เมื่อเข้าใกล้พื้นที่มากกว่าขอบเขตที่กำหนด ทหารไทยจึงแสดงตนเข้าชี้แจงและขอให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันด้วยวาจาตามที่ปรากฏข่าว แต่ทั้งสองฝ่ายได้มีการอธิบายทำความเข้าใจกัน จนเป็นที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ บริเวณที่ฝ่ายไทยจัดกิจกรรม มิได้เป็นการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา ตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตามคลิปดังกล่าวว่า ตนขอฝากถึงพี่น้องประชาชนคนไทยในช่วงนี้อาจจะมีคลิปที่กระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชน ต่อทหารไทย และ ทหาร กัมพูชา ที่อาจจะกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดนบางจุดบางเวลา ซึ่งบางครั้งมันมีต้นเหตุ แต่ต้นเหตุมันไม่ใช่ตามคลิปที่ออกไป อีกฝ่ายหนึ่งจะตัดเอาเฉพาะในส่วนเป็นผลบวกกับอีกตนเองมาเผยแพร่

ซึ่งคลิปส่วนใหญ่จะไม่ได้เกิดจากพี่น้องคนไทย ทหารไทยไม่ได้ทำคลิปพวกนี้เราไม่ค่อยทำกัน เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คลิปเหล่านั้นเป็นคลิปที่ผู้ไม่หวังดีจากประเทศเพื่อนบ้านสื่อสารออกมาบางอย่างนั้นก็เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการเมืองของประเทศฝ่ายตรงข้าม ของประเทศข้างเคียง

ในส่วนของเราขอให้พี่น้องได้พิจารณาให้ดีคลิปต่างๆเหล่านั้นว่า ต้นคลิปมาจากที่ใดถ้าเป็นของกองทัพ หรือเป็นคนไทยนั้น อาจเป็นที่น่าเชื่อถือได้

ปัจจุบันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทหารไทย - กัมพูชา อยู่ในเกณฑ์ดีไม่มีปัญหาอะไร มีบ้างที่เราลาดตระเวนเจอกัน หรือบางจุดที่อาจจะปะทะคารมกันบ้าง แต่เราก็เราก็ไม่ได้ใช้อาวุธ หรือ มีเหตุรุนแรงจนบานปลาย เราพยายามพูดคุยกันกับพี่น้องผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ พูดคุยกันโดยตลอดขอให้ใช้สติอย่าใช้อารมณ์ต่อคลิปที่เห็นในสิ่งที่เห็นประชาชนขอให้ฟังคำชี้แจงจากกองทัพหรือส่วนรัฐบาลที่จะชี้แจงเป็นหลักเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยตามแนวชายแดนช่วงนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง

หลังจากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้มีการร้องเพลง จดหมายจากแนวของ ยอดรัก สลักใจ หน้าร่วมกับ นายเสถียร สุภากุล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เสถียร ทำมือ นักร้องเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิตก่อนจะเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชาที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 (ค่ายพิทักษ์อุทุมพรเขต) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top